ตามกันต่อจากกรณีของ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ “จอนนี่ มือปราบ” และภรรยา โดยจับในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 หลังพบว่าก่อสร้างรีสอร์ตรุกที่ดินป่าไม้ในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย จ.อุบลราชธานี ต่อมา จอนนี่ มือปราบ และภรรยา ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นเงินสดคนละ 2 แสนบาท
เกี่ยวกับเรื่องนี้มีรายงานว่า พี่ชายของเจ้าของที่ดินที่ทางจอนนี่ มือปราบซื้อไปทำรีสอร์ต นั้นได้เล่าถึงเรื่องราวดังกล่าวว่า ตนมีบ้านอยู่ที่ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ต่อมามีการแยกตัวมาเป็น อ.สิรินธร และมีที่นาอยู่ที่นี่ ที่ จอนนี่ ไปซื้อต่อมา แต่ไม่รู้ว่าซื้อไปกี่แปลง รู้เพียงแต่ว่าซื้อจากน้องชาย น้องสะใภ้ของตน 1 แปลง ตรงบ้านห้วยไฮ ได้เงินสดมา 700,000 บาท และควาย 3 ตัว
พี่ชายของเจ้าของที่ดินเล่าต่อไปว่า ตอนซื้อ จอนนี่ บอกว่าจะซื้อไปทำรีสอร์ต แต่ก่อนหน้านี้มีคนนำที่ดินแปลงนี้มาขายตนแต่ตนไม่ซื้อ เพราะสอบถามทางนิคมฯ แล้วทราบว่าเป็นที่หวงห้ามจัดสรรให้ผู้ใด หากซื้อไปก็จะถูกดำเนินคดี แต่น้องชายตนซื้อมา จากนั้นจอนนี่บอกว่าที่ดินสวย ติดถนนและลำโดมเลยมาขอซื้อต่อไป
และ ในนามคนในพื้นที่ ตนเห็นรีสอร์ตแถวนั้นมีแค่ของจอนนี่เจ้าเดียว ที่ป่าก็คือที่ป่า เขากันไว้เป็นที่ชุมชน ไม่ใช่ว่าคนหนึ่งคนใดมีเงินก็จะไปเอา โดยไม่สนใจว่าเป็นที่ของอะไร ตนคิดว่ามันไม่ถูกต้อง กฎหมายคือกฎหมาย ไม่อย่างนั้นจะไม่เหลือพื้นที่ป่าไว้ให้ลูกหลานของเรา
พร้อมกันนี้ยังมีรายงานว่า หลังจากที่ จอนนี่ มือปราบ ได้ปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้วนั้น ก็พบว่าได้รับความนิยมอย่างมาก มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวและซื้อของฝากอย่างคึกคักอย่างมากก่อนที่จะโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกตรวจสอบ
นอกจากนี้ ตอนที่ขายที่ดินไป ทางน้องชายตนได้ควายมา 3 ตัว เลี้ยงอยู่ที่พัทยาน้อย ตีราคามา 300,000 บาท แทนเงินซื้อที่ดิน ส่วนราคาที่ดินของน้องชายตนที่ขายไปให้จอนนี่ ราคา 1 ล้านบาท โดยตอนที่ซื้อมาราคาเพียง 30,000 บาท ไม่แน่ใจว่าขายไปตอนปลายปี 63 หรือต้นปี 64 ซึ่งที่ดินตรงนั้นสวย แต่เป็นป่า ต้นไม้เยอะ ชาวบ้านน่าจะเอาไว้หาเห็ด เป็นที่ที่หวงไว้ ไม่ได้จัดสรร ซื้อมาก็มีปัญหา
ขณะเดียวกัน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า เรื่องของจอนนี่มือปราบ มี 2 มุม มุมแรกคือมุมที่คุณจอนนี่พูดมาว่า เลือกปฏิบัติหรือไม่ ทำไมถึงรื้อเฉพาะรีสอร์ตของเขา ตนคิดว่าราชการก็เลือกปฏิบัติเช่นกัน เพราะมีหน่วยงานที่ต้องไปไล่รื้อพื้นที่ป่าทั้งประเทศเยอะมาก แต่ทำไมไม่เลือกรื้อของจอนนี่ ถามว่าผิดหรือไม่ ตรงนั้นหากยืนยันว่าเป็นพื้นที่ป่านิคมฯ ก็ไม่สามารถทำสิ่งปลูกสร้างได้ สุดท้ายทางรีสอร์ตต้องย้ายออก
ที่ดินที่เป็นพื้นที่ตาม พ.ร.บ.นิคมพึ่งตนเอง ไม่สามารถซื้อ-ขายได้ คล้ายกับที่ดิน สปก.สามารถตกทอดรุ่นสู่รุ่นได้ แต่ไม่สามารถซื้อ-ขายได้ หรือถ้ามีการซื้อ-ขายก็ไม่สามารถฟ้องร้องเอาเงินคืนได้ ถือเป็นกรณีตัวอย่างว่าจะทำอะไร ไปพัฒนาที่ดินอสังหาริมทรัพย์ใด เราต้องมีโฉนด จะอาศัยเพียงแค่เอกสารรักษาสิทธิ์ไม่ได้ หากวันใดหน่วยงานรัฐต้องเอาคืน ก็ต้องคืน จะเป็นรูปแบบคดีอาญาหรือคืนแบบไม่ติดคุกก็เท่านั้นเอง
