เรื่องที่หลายคนไม่รู้ ปัสสาวะบ่อยหลังดื่มน้ำ แสดงว่า ไต ดีหรือไม่ดี

เชื่อได้ว่าหลายคนคงสงสัยกันว่า การดื่มน้ำในชีวิตประจำวัน แต่หลายคนรู้สึกวิตกกังวลเมื่อปัสสาวะหลายครั้งหลังดื่มน้ำ อยากเข้าห้องน้ำอยู่ตลอดเวลา เพราะคิดว่าอาจเป็นสัญญาณของไตอ่อนแอหรือเปล่า แล้วถ้าความถี่ในการเข้าห้องน้ำน้อยแสดงว่าไตแข็งแรงใช่หรือไม่   แน่นอนว่าพฤติกรรมการดื่มน้ำและการปัสสาวะมีความเกี่ยวเนื่องกัน ในกรณีส่วนใหญ่การกระตุ้นให้ปัสสาวะหลังดื่มน้ำเป็นปรากฏการณ์ทางสรีรวิทยาปกติ และในความเป็นจริงการปัสสาวะบ่อยๆ ไม่ได้เป็นเพียงอาการของการบาดเจ็บที่ไตเฉียบพลันเท่านั้น แต่ภาวะก้อนเนื้อในไตอาจเป็นสัญญาณของปัญหาการทำงานของไตด้วย โดยปกติปริมาณปัสสาวะที่ปล่อยออกมาในแต่ละวันของผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี จะอยู่ระหว่าง 1,000 มล. ถึง 2,000 มล. โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500 มล. และหากคำนวณเป็นจำนวนครั้ง บุคคลหนึ่งจะปัสสาวะ 6-10 ครั้งต่อวัน และ 0-2 ครั้งในเวลากลางคืน หากความสามารถในการปัสสาวะของบุคคลนั้นตรงตามเกณฑ์เหล่านี้ แสดงว่าไตของพวกเขาทำงานได้ตามปกติ หากพบว่าตนเองมักตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน เพราะต้องการเข้าห้องน้ำไปปัสสาวะ และอาการนี้คงอยู่เป็นเวลาหลายวันโดยไม่ดีขึ้น อีกทั้งยังส่งผลต่อกิจกรรมประจำวันของด้วย นี่อาจเป็นสัญญาณของความเสียหายของไต ความสามารถในการดูดซับปัสสาวะที่ลดลง อาจทำให้เกิดการผลิตปัสสาวะมากเกินไป ซึ่งจะเพิ่มความถี่ในการขับถ่าย นอกจากนี้ หากความถี่ของการปัสสาวะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และปริมาณปัสสาวะที่ผลิตได้น้อยกว่า 500 มล. ภายใน 24 ชั่วโมง นี่อาจเป็นสัญญาณว่าไตได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง และอาจถึงขั้นเข้าสู่ภาวะไตวายได้ ในกรณีนี้ควรไปพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจและรักษา ความเห็น

นายกอบต. ขับเก๋งชนเสาไฟ พุ่งตกคลอง จมดับพร้อมเลขา เสียชีวิต 3

วันที่ 23 ส.ค. 2568 มีรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งหตุรถเก๋งเสียหลักตกคลองข้างทาง บนถนนสายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์-อำเภอสมเด็จ บริเวณบ้านคำบอน ต.นาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลสมเด็จ หน่วยกู้ภัยอโสกสมเด็จ และกู้ภัยตำรวจทางหลวง โดยที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง สีขาว สภาพเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า และจมอยู่ในคลองข้างทาง สภาพรถพังยับนอนตะแคง ภายในซากรถพบผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย เจ้าหน้าที่เร่งนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากตัวรถ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย คือ นายมงคล (ขอสงวนนามสกุล) นายกอบต.นาคู อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ และ นายสิม (ขอสงวนนามสกุล) เลขาฯนายก ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย และผู้บาดเจ็บอยู่ระหว่างการยืนยันตัวตน เบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายกอบต.นาคูได้ไปรับญาติที่พักรักษาที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ เพื่อที่จะกลับบ้านที่ ต.นาคู กระทั่งถึงบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่คาดว่าอุบัติเหตุเกิดจากถนนลื่นเพราะฝนตกหนัก ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนเสาไฟ … Read more

รพ.จุฬาฯ ประกาศข่าวใหญ่ เจ้าหญิงองค์ภา…

  แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาทรงพระประชวร แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระประชวร ฉบับที่ ๔ ตามที่สำนักพระราชวัง ได้มีแถลงการณ์ เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระประชวรหมดพระสติ ด้วยพระอาการทางพระหทัย และทรงเข้ารับการรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มาตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา ฯ ได้รายงานเพิ่มเติมว่า คณะแพทย์ได้ถวายพระโอสถและเครื่องมือเพื่อช่วยการทำงานของพระปัปผาสะ (ปอด) และพระวักกะ (ไต) มาโดยตลอด คณะแพทย์ตรวจพบการติดเชื้อเป็นครั้งคราว ซึ่งได้ถวายพระโอสถปฏิชีวนะเพื่อรักษาพระอาการติดเชื้อดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ ๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นต้นมา คณะแพทย์ตรวจพบว่าทรงมีการติดเชื้อที่รุนแรงและเข้าในกระแสพระโลหิต ทำให้ต้องถวายพระโอสถปฏิชีวนะหลายขนานร่วมกัน รวมทั้งถวายพระโอสถกระตุ้นความดันพระโลหิต เพื่อรักษาความดันพระโลหิตให้คงที่ คณะแพทย์ยังคงถวายการรักษาอย่างเต็มที่ … Read more

สลดเก๋งวิ่งผ่าสายฝนเสียหลักชนเสาไฟรถจมน้ำดับ 3 ราย

วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พร้อมหน่วยกู้ชีพ รพ.สมเด็จ หน่วยกู้ภัยอโสกสมเด็จ กู้ภัยตำรวจทางหลวงกาฬสินธุ์ ตรวจสอบอุบัติเหตุบนถนนสายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์-อำเภอสมเด็จ บริเวณ บ้านคำบอน ตำบลนาจารย์ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งสีขาว สภาพชนเสาไฟฟ้าจมอยู่ในน้ำข้างทางสภาพรถพังยับนอนตะแคง ภายในรถพบผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ราย กู้ภัยได้นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากซากได้สำเร็จ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตมา ณ โอกาสนี้

เปิดทะเบียนรถเคลื่อนร่าง “เจ๊เกียว” ลูกน้องเศร้าทั้งอู่เชิดชัยรอรับครั้งสุดท้าย!

เปิดทะเบียนรถเคลื่อนร่าง “เจ๊เกียว” ลูกน้องเศร้าทั้งอู่เชิดชัยรอรับครั้งสุดท้าย!  จากกรณีการจากไปของนางสุจินดา เชิดชัย หรือที่รู้จักกันในชื่อ เจ๊เกียว ผู้ได้รับฉายาว่า เจ้าแม่รถทัวร์ ผู้ประกอบธุรกิจอู่ต่อรถทัวร์เชิดชัยอุตสาหกรรม และเดินรถโดยสารสาย 21 กรุงเทพฯ-โคราช และสายอื่นๆ ในประเทศไทย ถึงแก่กรรมด้วยความสงบในวัย 88 ปี ที่บ้านพักภายในอู่เชิดชัย ถนนมิตรภาพ อำเภอเมืองนครราชสีมา โดยจะมีพิธีรดน้ำศพในวันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2568 เวลา 16.00 น. ณ.อู่เชิดชัยทั้งนี้ ที่ผ่านมา เจ๊เกียวมีโรคประจำตัวและรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงวันคล้ายวันเกิดและสงกรานต์ในแต่ละปีจะเปิดอู่ทำบุญท่ามกลางลูกหลานและผู้เคารพนับถือเข้าร่วมงานจำนวนมาก     ทั้งนี้ในวันที่ 29 เวลาประมาณ 13.50 น. ได้มีการเคลื่อนร่างของเจ๊เกียว ขึ้นรถทะเบียน 8กษ7804 เพื่อไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลยังบริษัทเชิดชัยอุตสาหกรรม จำกัด โดยมีลูกชายและลูกสาว คือ น.ส.กฤตินี เชิดชัย นายอัสนี เชิดชัย และนายสุรวุฒิ เชิดชัย พร้อมด้วยพนักงานในบริษัทเชิดชัยอุสาหกรรม จำกัดและบริษัทในเครือ มายืนรอรับร่างของเจ๊เกียวพร้อมกับร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ … Read more

รพ.จุฬาฯ ประกาศข่าวใหญ่ เจ้าหญิงองค์ภา…

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาทรงพระประชวร แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระประชวร ฉบับที่ ๔ ตามที่สำนักพระราชวัง ได้มีแถลงการณ์ เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระประชวรหมดพระสติ ด้วยพระอาการทางพระหทัย และทรงเข้ารับการรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มาตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา ฯ ได้รายงานเพิ่มเติมว่า คณะแพทย์ได้ถวายพระโอสถและเครื่องมือเพื่อช่วยการทำงานของพระปัปผาสะ (ปอด) และพระวักกะ (ไต) มาโดยตลอด คณะแพทย์ตรวจพบการติดเชื้อเป็นครั้งคราว ซึ่งได้ถวายพระโอสถปฏิชีวนะเพื่อรักษาพระอาการติดเชื้อดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ ๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นต้นมา คณะแพทย์ตรวจพบว่าทรงมีการติดเชื้อที่รุนแรงและเข้าในกระแสพระโลหิต ทำให้ต้องถวายพระโอสถปฏิชีวนะหลายขนานร่วมกัน รวมทั้งถวายพระโอสถกระตุ้นความดันพระโลหิต เพื่อรักษาความดันพระโลหิตให้คงที่ คณะแพทย์ยังคงถวายการรักษาอย่างเต็มที่ และติดตามพระอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป … Read more

อนุทินย้ำ ไทยพร้อมรับมือศาลโลก ข้อพิพาทตาเมือนธม–ตาควาย ยึดประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก

วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงถึงกรณีกัมพูชายื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับกรณีข้อพิพาทบริเวณปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย โดยยอมรับว่ายังไม่ได้รับข้อมูลยืนยันว่าศาลโลกมีการรับเรื่องแล้วหรือไม่ แต่ย้ำชัดเจนว่าประเทศไทยมีจุดยืนที่แน่นอนและจะดำเนินการทุกอย่างโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก นายอนุทินระบุว่า การที่กัมพูชาจะดำเนินการยื่นเรื่องต่อศาลโลก ถือเป็นสิทธิของกัมพูชา แต่ในส่วนของไทยมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและมีกรอบการทำงานที่ยึดมั่นมาโดยตลอด โดยไทยจะรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะติดตามความคืบหน้าของเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เมื่อถูกถามถึงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ฝั่งไทย ที่กำลังจะหมดวาระในเร็ว ๆ นี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันที่ 2 ตุลาคม จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยยืนยันว่ามีรายชื่อบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องรอความชัดเจนจากที่ประชุมก่อน นายอนุทินทิ้งท้ายว่า รัฐบาลพร้อมที่จะทำงานบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและจะใช้ทุกกลไกทางการทูตเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ โดยการแต่งตั้งประธาน JBC คนใหม่จะมีความชัดเจนหลังการประชุม สมช. ในวันที่ 2 ตุลาคม นี้

อนุทินย้ำ ไทยพร้อมรับมือศาลโลก ข้อพิพาทตาเมือนธม–ตาควาย ยึดประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก

วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงถึงกรณีกัมพูชายื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับกรณีข้อพิพาทบริเวณปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย โดยยอมรับว่ายังไม่ได้รับข้อมูลยืนยันว่าศาลโลกมีการรับเรื่องแล้วหรือไม่ แต่ย้ำชัดเจนว่าประเทศไทยมีจุดยืนที่แน่นอนและจะดำเนินการทุกอย่างโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก นายอนุทินระบุว่า การที่กัมพูชาจะดำเนินการยื่นเรื่องต่อศาลโลก ถือเป็นสิทธิของกัมพูชา แต่ในส่วนของไทยมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและมีกรอบการทำงานที่ยึดมั่นมาโดยตลอด โดยไทยจะรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะติดตามความคืบหน้าของเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เมื่อถูกถามถึงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ฝั่งไทย ที่กำลังจะหมดวาระในเร็ว ๆ นี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันที่ 2 ตุลาคม จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยยืนยันว่ามีรายชื่อบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องรอความชัดเจนจากที่ประชุมก่อน นายอนุทินทิ้งท้ายว่า รัฐบาลพร้อมที่จะทำงานบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและจะใช้ทุกกลไกทางการทูตเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ โดยการแต่งตั้งประธาน JBC คนใหม่จะมีความชัดเจนหลังการประชุม สมช. ในวันที่ 2 ตุลาคม นี้

อนุทินย้ำ ไทยพร้อมรับมือศาลโลก ข้อพิพาทตาเมือนธม–ตาควาย ยึดประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก

วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงถึงกรณีกัมพูชายื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับกรณีข้อพิพาทบริเวณปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย โดยยอมรับว่ายังไม่ได้รับข้อมูลยืนยันว่าศาลโลกมีการรับเรื่องแล้วหรือไม่ แต่ย้ำชัดเจนว่าประเทศไทยมีจุดยืนที่แน่นอนและจะดำเนินการทุกอย่างโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก นายอนุทินระบุว่า การที่กัมพูชาจะดำเนินการยื่นเรื่องต่อศาลโลก ถือเป็นสิทธิของกัมพูชา แต่ในส่วนของไทยมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและมีกรอบการทำงานที่ยึดมั่นมาโดยตลอด โดยไทยจะรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะติดตามความคืบหน้าของเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เมื่อถูกถามถึงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ฝั่งไทย ที่กำลังจะหมดวาระในเร็ว ๆ นี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันที่ 2 ตุลาคม จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยยืนยันว่ามีรายชื่อบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องรอความชัดเจนจากที่ประชุมก่อน นายอนุทินทิ้งท้ายว่า รัฐบาลพร้อมที่จะทำงานบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและจะใช้ทุกกลไกทางการทูตเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ โดยการแต่งตั้งประธาน JBC คนใหม่จะมีความชัดเจนหลังการประชุม สมช. ในวันที่ 2 ตุลาคม นี้

ราชกิจจาฯประกาศ พื้นที่เกิดเหตุกระทบความมั่นคงในราชอาณาจักร

ราชกิจจานุเบกษา 30 กันยายน 2568 ประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ด้วยสถานการณ์ในเขตพื้นที่อำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส อำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง อำเภอยะหา อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปีนัง จังหวัดยะลา และอำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ยังคงปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งปรากฏเห็นชัดในรูปแบบของเหตุการณ์รุนแรง ทั้งนี้ ห้วงเวลาที่ผ่านมา ได้มีการประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นผลให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถแก้ไขและควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ระดับหนึ่ง ราชกิจจาฯประกาศ พื้นที่เกิดเหตุกระทบความมั่นคงในราชอาณาจักร  ราชกิจจาฯประกาศ พื้นที่เกิดเหตุกระทบความมั่นคงในราชอาณาจักรดังนั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน รวมทั้งการบริหารจัดการรักษาความสงบ และความปลอดภัยให้มีเอกภาพและเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ยังคงต้องกำหนดมาตรการป้องกันไว้เช่นเดิม เพื่อมิให้สถานการณ์ขยายตัวลุกลาม หรือหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถแก้ไขปัญหาให้ยุติโดยเร็วโดยไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร  อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ 30 กันยายน … Read more

error: Content is protected !!