วันที่ 17 มิถุนายน 2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปทส., บก.ป., บก.ปอท., บก.ตม.3 ร่วม AFP (Australian Federal Police) เปิดปฏิบัติการ Firestorm ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ จับ 13 ต่างชาติตั้งฐานใหญ่ ยึดหมู่บ้านหรู อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เป็นฐานทัพใหญ่


ร่วมกันจับกุม
- Mr. Brett Peter Dawson อายุ 51 ปี สัญชาติออสเตรเลีย
- Mr. Lewis Samuel Gillespie อายุ 30 ปี สัญชาติบริติช
- Mr. Nicholas John Mason อายุ 43 ปี สัญชาติออสเตรเลีย
- Mr. Mark Dennis อายุ 54 ปี สัญชาติออสเตรเลีย
- Mr. Ellis Ian James อายุ 59 ปี สัญชาติบริติช
- Mr. Mark Mackenzie อายุ 61 ปี สัญชาติบริติช
- Mr. Jeremy Fortoen อายุ 44 ปี สัญชาติแอฟริกาใต้
- Mr. Christopher Pepena อายุ 48 ปี สัญชาติออสเตรเลีย
- Mr. Dean Crowley อายุ 42 ปี สัญชาติบริติช
- Mr. Mark Andrew Howship อายุ 56 ปี สัญชาติบริติช
- Mr. Lewis Robbie อายุ 40 ปี สัญชาติบริติช
- Mr. Luke Cameron Campbell อายุ 45 ปี สัญชาติออสเตรเลีย
- Mr. Szeto Kwok Chi อายุ 58 ปี สัญชาติแคนาดา
โดยกล่าวหาว่า
“ร่วมกันเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย หรืออั้งยี่, เป็นคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ประกอบอาชีพหรือรับจ้างทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209, พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 37 (1) และพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 มาตรา 8


พร้อมตรวจยึดของกลาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเอกสาร (คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์เน็ตเวิร์ก, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก, สคริปต์การพูดชักชวนลงทุน, และโทรศัพท์มือถือ) รวม 58 รายการ
สถานที่จับกุม บ้านพัก ม.9 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
พฤติการณ์ ก่อนเกิดเหตุในคดีนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลียได้ทำการสืบสวนพบกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นขบวนการกระทำความผิดหลอกลวงประชาชนในประเทศออสเตรเลีย ได้ย้ายถิ่นฐานเข้ามาในประเทศไทย และจัดตั้ง Boiler room (คอลเซ็นเตอร์) ในประเทศไทยเพื่อหลอกลวงประชาชนชาวออสเตรเลียให้ร่วมลงทุนพันธบัตรโดยให้ผลตอบแทนสูงและกำหนดระยะเวลาในการคืนทุนเป็นระยะเวลาประมาณ 1-3 ปี ให้ผลตอบแทนแบบคงที่ ร้อยละ 7-10 ต่อปี เจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลียจึงได้ขอความร่วมมือมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม และได้ร่วมกันทำการสืบสวนในเรื่องดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้ตรวจสอบและติดตามพฤติกรรมของขบวนการดังกล่าว พบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เข้ามาอยู่ที่พัทยาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2567 และต่อมาได้ย้ายมาอยู่ กทม. โดยตัวการหลักได้มีการนัดพบที่โรงแรมแห่งหนึ่งบน ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม.
ภายหลังจึงได้สะกดรอยติดตามดูพฤติกรรมของกลุ่มขบวนการดังกล่าว จนพบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เดินทางไปยังบ้านพัก ม.9 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จึงได้ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีการลงประกาศขายในราคา 70 ล้านบาท หรือให้เช่าเดือนละ 120,000 บาท โดยมีประกาศพร้อมผู้เช่าถึงเดือน ม.ค. 69 พื้นที่ดังกล่าวมีขนาดประมาณ 1 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิด บริเวณหน้าบ้านเป็นซอยตัน (เป็นบ้านหลังสุดท้ายในซอย) หน้าบ้านมีกล้องวงจรปิดจำนวน 1 ตัว โรงจอดรถมีผ้าใบกั้นและมีคนเปิด-ปิดผ้าใบขณะรถเข้า-ออกจากบ้านหลังดังกล่าว

จากการเฝ้าสังเกตการณ์บ้านพักหลังดังกล่าวพบว่า มีรถเข้าตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00 น. และจะออกในเวลาประมาณ 15.30 น. (ตรงกับเวลาทำงานเมืองซิดนีย์ คือ 09.00 เลิก 18.00) พบรถยนต์เข้า-ออกบ้านหลังดังกล่าวหลายคัน มีพฤติการณ์คือช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. ขณะที่รถยนต์จำนวน 4 คันขับเข้ามาในบ้านจะมีคนดูแลบ้านคอยเปิดม่านโรงจอดรถ เมื่อรถเข้ามาจอดภายในโรงจอดรถแล้ว จะทำการปิดม่านลงเพื่อไม่ให้เห็นคนในรถ หลังจากนั้นเวลาประมาณ 15.30 น. เมื่อรถต้องการจะออกจากบ้าน คนดูแลบ้านจะทำการเปิดม่านให้รถยนต์ทยอยออก และปิดม่านไว้ตามเดิมในลักษณะปกปิดพฤติกรรมของผู้พักอาศัยและผู้เข้า-ออกบ้านหลังดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ขออนุญาตศาลอาญา ขออนุมัติหมายค้นเลขที่ 457/2568 ลงวันที่ 13 มิ.ย. 68 เข้าค้นบ้านพัก ม.9 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ต่อมาวันที่ 16 มิ.ย. 68 เวลาประมาณ 08.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เข้าตรวจค้น พบชาวต่างชาตินั่งอยู่ภายในห้องโถงชั้น 1 ของบ้านในลักษณะมีแผงกั้นระหว่างบุคคล (คล้ายสำนักงาน) ขณะเข้าทำการตรวจค้นผู้ต้องหาได้อยู่ในลักษณะกำลังโทรศัพท์อยู่ทุกโต๊ะ มีเครื่องคอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ก, โทรศัพท์มือถือ, เอกสารข้อความต่างๆ, สคริปต์การพูดคุย, เอกสารที่ปรากฏข้อความเกี่ยวกับข้อมูลบริษัทฯ และพันธบัตรที่ขบวนการดังกล่าวชักชวนลงทุน ซึ่งอ้างว่ามีบริษัทฯ อยู่จริงในต่างประเทศ และภายในคอมพิวเตอร์พบข้อมูลรายชื่อบุคคลชาวออสเตรเลียอีกกว่า 14,000 ราย ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลียอยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยมีการยืนยันแล้วว่ารายชื่อบางส่วนถูกขบวนการดังกล่าวหลอกลวงจริง จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบความเสียหายมากกว่า 1.5 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือกว่า 31 ล้านบาท

จากการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางของผู้ต้องหาทั้งหมดจากระบบสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่าผู้ต้องหาทั้งหมดไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเพื่อทำงาน (วีซ่าทำงาน) และจากการสอบถามใบอนุญาตการทำงานของผู้ต้องหาฯ ผู้ต้องหาทั้งหมดรับว่าตนไม่ได้รับอนุญาตในการทำงานหรือมีใบอนุญาตทำงานแต่อย่างใด และไม่สามารถนำมาแสดงแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น กลุ่มผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และให้การว่ามีเพื่อนชักชวนและพบเห็นประกาศหางานผ่านทางเว็บไซต์ เพื่อเข้ามาทำงานที่บริษัทแห่งนี้ โดยมีค่าตอบแทนประมาณ 3,000 เหรียญออสเตรเลีย และมีค่าคอมมิชชั่นร้อยละ 2.5 จากการทำงาน มีหน้าที่ทำงานโทรชักชวนลูกค้าให้มาร่วมลงทุนกับบริษัทฯ โดยโทรชักชวนรายชื่อตามที่ได้รับจากบริษัทฯ เพื่อลงทุน
