บึงกาฬ-หมอ-พยาบาล รพ.บึงกาฬตะลึง ผ่าตัดผู้ป่วยชายวัย52ปีพบก้อนเนื้อในช่องท้องหนักถึง 5.4 กิโลฯซ้ำอยู่ในจุดที่ผ่าตัดยาก ถ้าพลาดเสี่ยงถึงชีวิต แต่โชคดีได้เครื่องจี้และตัดคลื่นเสียงความถี่สูงจากมูลนิธิฯของหลวงปู่ทุย ช่วยผ่าตัดสำเร็จ
ผู้สื่อข่าวจังหวัดบึงกาฬ รายงานว่า วันนี้(7 ก.ย.)เวลาประมาณ 08.30 น. นพ.ณัฐ ทองบัวศิริไล ศัลยแพทย์ ประจำโรงพยาบาลบึงกาฬ ได้ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ล่าสุดทางโรงพยาบาลได้ผ่าตัดก้อนเนื้อออกจากช่องทองของผู้ป่วย ซึ่งเป็นก้อนเนื้อที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยผ่าตัดกันมา มีน้ำหนักมากถึง 5.4 กิโลกรัม
โดยเป็นก้อนเนื้อที่ผ่าตัดจากผู้ป่วยเพศชายอายุ 52 ปี รูปร่างท้วมมีอาการปวดท้องแน่นท้อง เมื่อตรวจดูด้วยเครื่องมือแพทย์พบก้อนเนื้ออยู่ในช่องท้อง
ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่อันตรายพอสมควร เนื่องจากเป็นก้อนเนื้อติดพังผืดโยงติดกันกับอวัยวะข้างเคียงที่สำคัญ เช่น ทั้งตับ ลำไส้และกระเพาะอาหาร ก้อนเนื้อโตน้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัม จึงนัดมาผ่านตัดวันหลัง แต่ผู้ป่วยไม่พร้อม หายไป 5-6 เดือนโผล่มาคราวนี้บอกว่าพร้อมที่จะผ่าตัดแล้ว เพราะเจ็บท้อง แน่นอึดอัดหายใจไม่สะดวก แต่ดูๆ ท้องจะโตกว่าเดิมที่พบครั้งแรก
นพ.ณัฐ กล่าวต่อไปว่า หลังจากนัดกันได้วันเวลาผ่าตัดจึงได้ให้ทีมงานแพทย์พยาบาลเตรียมเครื่องมือในการผ่าตัด ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วดมง ซึ่งการผ่าตัดในครั้งนี้สำเร็จราบรื่นผ่านไปด้วยดี พบก้อนเนื้อมีขนาด 35×32 เซนติเมตร และมีน้ำหนักถึง 5.4 กิโลกรัมมีพังผืดติดกับกระเพาะอาหาร ลำไส้ และตับ
“การผ่าตัดเนื้องอกที่มีลักษณะนี้ มีพังผืดติดกับอวัยวะข้างเคียงที่สำคัญ ทั้งตับ ลำไส้และกระเพาะอาหาร จะใช้เวลาในการผ่าตัดที่ยาวนาน ต้องใช้ความระมัดระวังในการผ่าตัด ทั้งเส้นเลือดขนาดใหญ่ที่มาเลี้ยงอวัยวะ จำเป็นต้องตัดกระเพาะอาหาร และตับออกบางส่วน มีโอกาสที่จะเสียเลือดมากจนทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะช็อคจากการเสียเลือดได้”นพ.ณัฐกล่าวและว่า
แต่เนื่องจากทางโรงพยาบาลได้รับการบริจาค เครื่องมือจี้และตัดด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ของมูลนิธิพุทธสมุนไพรคู่แผ่นดินไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย “หลวงปู่ทุย” หรือ พระอาจารย์ปรีดา ฉนฺทกโร แห่งวัดป่าดานวิเวกหรือวัดดงศรีชมภู ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่บ้านแสงอรุณ หมู่ที่ 7 ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงช่วยทำให้การผ่าตัดทำได้รวดเร็วขึ้น ผู้ป่วยได้รับการดมยาสลบน้อยลง และเสียเลือดน้อยลมีความเสี่ยงและปลอดภัยสูง จึงเป็นผลดีกับผู้ป่วยอย่างมากครับ”
นพ.ณัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงพยาบาลบึงกาฬ เป็นระดับอำเภอ แต่เมื่อ 8 ปีที่แล้วถูกยกฐานะเป็นโรงพยาบาลจังหวัด ทั้งหมอและเครื่องมือจึงเติบโตไม่ทัน ที่ผ่านมาจะได้รับงบประมาณเฉพาะตัวตึกหรืออาหาร เมื่อเปิดบริการเติมรูปแบบทั้งเครื่องมือแพทย์มีไม่เพียงพอ จำเป็นต้องใช้ตัวเก่าที่ไม่ทันสมัย ใช้แต่ละทีต้องหยุดทำความสะอาดเป็นเวลานานจึงนำกลับมาใช้กับคนไข้คนใหม่ได้
ในโอกาสนี้จึงใคร่ขอเชิญชวนผู้ใจบุญ ผู้มีจิตศรัทธา ช่วยกันบริจาคทรัพย์สินเงินทองมาซื้อเครื่องมือแพทย์เพื่อมาให้บริการพี่น้องประชาชนไม่ต้องเดินทางเข้าไปรักษาไกลในจังหวัดใหญ่ๆ ที่มีเครื่องมือแพทย์พร้อ